การเดินทางของฉันได้เริ่มต้นเมื่อ 8 ปีก่อน จากพนักงานออฟฟิศธรรมดาคนหนึ่งที่อาศัยกับข้าวถุง กับร้านอาหารข้างบ้านเป็นที่พักพุงเป็นประจำแทบจะทุกวัน แต่วันหนึ่งโชคชะตาก็นำพาให้ต้องระหกระเหินเดินทางมาเป็นแม่บ้านในญี่ปุ่น เป็นการตัดสินใจเดินทางตามความรักและต้องทิ้งความฝันชีวิตการทำงานของสาวออฟฟิศ เพื่อเริ่มต้นชีวิตครอบครัวเล็กๆ ในต่างแดน
การใช้ชีวิตในต่างแดนมันไม่ง่ายและมันก็ไม่ยากในดินแดนที่ไม่ใช่บ้านเกิดของเราทั้งคู่ มันอาจจะไม่คุ้นชิน แต่มันก็ไม่ยากที่จะเริ่มต้นเรียนรู้ จากคนที่ภาษาญี่ปุ่นเป็นศูนย์มันก็คือความท้าทายที่ทำให้เราต้องเผชิญและอยู่ให้ได้ สำหรับตัวฉันเองในช่วงแรกเกิดอาการที่เรียกว่า ‘Culture Shock’ พอเห็นราคาสินค้าในหัวต้องคิดแปลงค่าเป็นเงินไทยก่อนเสมอ ช่วงปีที่มาอยู่ญี่ปุ่นใหม่ๆ ค่าเงินเยนอยู่ที่ 36.75 บาท ต่อ 100 เยน คิดไปคิดมาแล้ว อื้อฮือ แทบจะไม่กล้าซื้อของไม่กล้าใช้จ่ายใดๆ เลย เวลาไปเดินซุปเปอร์มาร์เก็ตเห็นราคาผักแล้วแพงจนไม่กล้าหยิบ และยิ่งอาหารเครื่องปรุงไทยยิ่งไม่ต้องพูดถึงเลยค่ะ แพงในแพงเข้าไปอีก กว่าจะปรับตัวได้ก็ใช้เวลาเกือบปี เล่นเอาช่วงนั้นหุ่นเพรียวใช้ได้เลยล่ะค่ะ
แต่ตอนนี้เวลาก็ผ่านไป 8 ปี ชีวิตแม่บ้านในญี่ปุ่นของฉันมันก็ดูมีสีสันมากยิ่งขึ้น เมื่อฉันได้ผันตัวกลายมาเป็น ‘นักเขียน’ ที่เขียนบทความในเว็บไซต์ที่เกี่ยวกับญี่ปุ่น และได้เปิดเพจเล็กๆ ที่มีชื่อว่า ‘ครบเครื่องเรื่องญี่ปุ่น’ ซึ่งเป็นเพจที่เกี่ยวกับญี่ปุ่นที่แท้ทรู นำเสนอเรื่องราวครบทุกเรื่องที่เกี่ยวกับญี่ปุ่น ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง กิน เที่ยว ช้อปปิ้ง ชีวิตประจำวัน ไลฟ์สไตล์ในญี่ปุ่น วัฒนธรรม เทศกาลต่างๆ ไปจนถึงการอัพเดทข่าวสาร จากงานอดิเรกที่ทำเพราะใจรักซึ่งในตอนแรกก็ไม่คิดด้วยซ้ำว่าจะมีคนติดตามอ่าน จนมาถึงตอนนี้เปิดเพจได้ 2 ปีกว่าๆ มีผู้ติดตามสองแสนหกพันกว่าคน หากเพื่อนๆ อ่านมาถึงตรงนี้แล้วยังไม่ได้กดติดตาม ตอนนี้ก็ยังไม่สายนะคะ เรียนเชิญกดติดตามได้ที่หน้าเพจเลยค่ะ (งานขายของก็มา อิอิ)
เมื่อต้องมาเป็นนักเขียน ความสนุกก็เริ่มขึ้นเพราะสิ่งที่เราจะเขียนส่วนหนึ่งก็มาจากประสบการณ์ในชีวิตประจำวันของเรานี่ล่ะ ไม่ว่าจะเป็นสิ่งที่เราสนใจ สิ่งที่เราคิดว่าน่าจะเป็นประโยชน์กับคนที่ได้อ่าน หรือมุมมองแปลกใหม่ในดินแดนที่แตกต่างจากที่ที่เราเติบโตมา และด้วยวิถีของญี่ปุ่น เจ้าแห่งเรื่องราว เจ้าแห่งความใส่ใจโดยเฉพาะกับสิ่งเล็กๆ น้อยๆ ที่บางทีเราอาจจะมองข้ามไป แต่เชื่อไหมคะ คนญี่ปุ่นเขาคิดกันมากกว่านั้น นอกจากจะทำให้ชีวิตและมุมมองของฉันที่ต้องมาอยู่ญี่ปุ่นเปลี่ยนแปลงไปฉันเชื่อว่าทุกๆ เรื่องราวที่ฉันได้เขียนถ่ายทอดก็น่าจะทำให้มุมมองของคนที่ได้อ่านได้แง่คิดและได้มุมมองใหม่ๆ ด้วยเช่นกัน
ฉันคิดว่าสิ่งแรกในการเป็นแม่บ้านในญี่ปุ่นที่ฉันควรต้องรู้และปรับตัวนั่นก็คือ ‘การทิ้งขยะ’ ญี่ปุ่นถือว่าเป็นประเทศที่มีการจัดการขยะได้เป็นอย่างดี จนอาจจะเรียกได้ว่าดีเป็นอันดับต้นๆ ของโลกเลยค่ะ ไม่ว่าเราจะทิ้งอะไรก็ตามก่อนที่จะทิ้งเราจะต้องแยกขยะก่อน บางอย่างต้องล้างให้สะอาด ตากให้แห้ง แล้วจึงจะนำไปทิ้งได้ จนบางทีคิดว่าสิ่งที่ทิ้งไปอาจจะไม่เรียกว่า ‘ขยะ’ ก็ได้นะคะ เพราะมันช่างสะอาดเหมือนใหม่เหลือเกิน การจะทิ้งน้ำมันทอดอาหารก็ต้องมีวิธีที่ไม่ไปทำลายสิ่งแวดล้อม ใส่ใจถึงขั้นมีวัสดุชนิดหนึ่งที่เทใส่ลงไปในน้ำมัน แล้วจะทำให้น้ำมันนั้นจับตัวแข็งเป็นก้อน แล้วจึงนำกระดาษหนังสือพิมพ์มาห่อก่อนที่จะนำไปทิ้งรวมกับขยะเผาได้
นอกจากการแยกขยะแบบละเอียดแล้วการจะนำขยะไปทิ้งก็จะต้องทิ้งให้ตรงวันอีกด้วย เพราะในแต่ละสัปดาห์ ก็จะมีตารางการทิ้งขยะเอาไว้อย่างชัดเจน และรถขยะก็จะมาเก็บตามเวลาเท่านั้น การแยกขยะมันจะยากก็ตอนเริ่มต้น แต่พอเราชินแล้วทุกอย่างมันก็ไม่ได้ยากอย่างที่เรากังวลไว้เลย.. ฉันทำได้ทุกคนก็ต้องทำได้!
คนญี่ปุ่นถูกปลูกฝังสร้างวินัยมาตั้งแต่เด็กในเรื่องการทิ้งขยะ เลยทำให้บ้านเมืองญี่ปุ่นสะอาดแม้ว่าจะไม่มีถังขยะวางไว้ตามถนนหนทางเสียด้วยซ้ำ ใครมีขยะก็ต้องเก็บเพื่อกลับไปทิ้งที่บ้าน ฉันเคยสังเกตคนญี่ปุ่นแทบจะทุกเพศทุกวัย เมื่อทุกคนออกจากบ้านต้องมีกระเป๋าถืออย่างน้อยคนละ 1 ใบ บางคนก็มากกว่านั้น ฉันก็เคยถามเพื่อนคนญี่ปุ่นเหมือนกันค่ะ ว่าในกระเป๋าของพวกเขาใส่อะไรกัน ได้คำตอบมาว่า นอกจากจะใส่สิ่งของจำเป็นแล้วก็เอาไว้ใส่เศษขยะกลับไปทิ้งที่บ้านนี่ล่ะค่ะ.. นี่คงเป็นความใส่ใจเล็กๆ น้อยๆ ที่ฉันเองก็คิดไม่ถึงเหมือนกัน
สิ่งสำคัญที่สุด เพราะชาวญี่ปุ่นเขาตระหนักว่าขยะจะกลับสู่ดินและน้ำ ที่เป็นต้นกำเนิดของการสร้างอาหารของพวกเขาไงล่ะ ขยะบางชิ้นเมื่อหลุดเข้าไปสู่วงจรธรรมชาติก็กลายเป็นวงจรของสารปนเปื้อนที่ย้อนกลับมาทำร้ายมนุษย์อย่างเรา ทำลายระบบเกษตรอินทรีย์ที่เพียรพยายามดูแลรักษามาอย่างดี จริงๆ แล้ว ถ้าเราทุกคนเข้าใจวัฏจักรนี้ ไม่ต้องเฉพาะญี่ปุ่นหรอก ทั่วทุกมุมโลกถ้าทุกคนเข้าใจก็จะเกิดกระบวนการจัดการที่ทำให้ดินน้ำสะอาด นำมาสู่อาหารที่ปลอดภัย เพราะอาหารที่ว่า สุดท้ายเราทุกคนก็ต้องกินทุกวัน
ผู้เขียน
อุบลทิพย์ เศรษฐสักโก
TKLS สาวแซ่บแห่งไซตามะ / เจ้าของเพจครบเครื่องเรื่องญี่ปุ่น
Comments