เมื่อพูดถึงสวนสนุก หลายคนอาจนึกภาพเครื่องเล่นชิ้นใหญ่ที่มาพร้อมเสียงดนตรีและขบวนพาเหรด แต่สวนสนุกในความหมายของเราเต็มไปด้วยความมีชีวิตชีวาของต้นไม้ ดอกไม้ ใบหญ้า พืชผักนานา นก แมลง แสงแดด สายลม และตัวเรา ที่มาพร้อมกับอุปกรณ์ขับเคลื่อนการเกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไปของสิ่งมีชีวิตในสวน ทั้งส้อมพรวน คราด รถเข็น เครื่องตัดหญ้า มีดพร้า ต่างๆ นานา
“เราทำสวนของเรา” เป็นความตั้งใจอันยิ่งใหญ่ของตัวเอง ที่เราเรียกว่ายิ่งใหญ่ เพราะเราต้องยอมตากแดดและใช้แรงงานหนัก หลังจากที่เราเห็นแม่ซื้อต้นหอมมาใช้ทำกับข้าว และมักจะเน่าคากล่องผักภายในไม่กี่วัน ส่งกลิ่นเหม็นกว่าผักใดๆ เราคิดอยู่ข้อหนึ่งว่า ในเมื่อบ้านเรามีที่ดิน ที่ดินควรเป็นตู้เย็นให้กับเราได้ เราจึงเริ่มต้นด้วยการใช้โคนต้นหอมที่แม่ซื้อมาจากท้องตลาด ปักชำตามขอบกระถางต้นไม้อื่นๆ เวลาผ่านไปพอได้ตัดใส่ในหม้อซุปจึงเริ่มทดลองใช้โคนขึ้นฉ่ายดูบ้าง เอ้า..ได้ผลเหมือนกัน งั้นทดลองต่อไปที่จิงจูฉ่าย โหระพา ตะไคร้ สะระแหน่ บลาๆๆๆ พอเริ่มได้หลักวิชา เลยขยายผลลงสู่พื้นดินที่กว้างใหญ่ขึ้น และมีเรื่องให้สนุกเยอะขึ้นด้วย สวนสนุก.. สนุกมากขึ้น เพราะมีสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่าไก่
เราเลี้ยงไก่เพราะเราอยากมีไข่ไก่สดที่สุด และออร์แกนิคสุดๆ ประมาณว่าหลุดออกมาจากก้นไก่วันนั้นก็กินวันนั้นเลย เป็นช่วงเวลาที่น่าตื่นเต้นและได้เรียนรู้สูงมาก เกือบ 5 เดือน จากลูกเจี๊ยบตัวน้อยๆ กลายเป็นแม่ไก่ที่ให้ไข่ฟองแรก ตอนแรกเราเริ่มจากซื้อลูกเจี๊ยบจากร้านขายสัตว์มาเลี้ยง สัตว์เหล่านี้มีความแข็งแรงด้วยตัวเองตามธรรมชาติค่อนข้างยาก แต่มีข้อดีคือให้ไข่ฟองใหญ่และอัตราการให้ไข่สูง บางครั้งป่วยก็ต้องให้ยารักษา หลายครั้งที่ท้อใจเพราะต้องคอยวุ่นวายกับการเป็นคุณหมอของไก่ เลยทดลองเปลี่ยนแผนใหม่ เราไปขอไก่บ้านตัวเมียจากชาวบ้านมาเลี้ยง แล้วเอาไข่ไก่สายพันธุ์ฝรั่งจากรุ่นพี่มาให้แม่ไก่บ้านฟัก 21 วันผ่านไป เราได้ลูกเจี๊ยบหน้าตาหน้ารัก เปรียบเสมือนลูกฝรั่งที่เกิดกับคุณแม่คนไทย หลังจากฟักไข่ได้ 1 วัน แม่ไก่จะพาลูกบินลงจากรังออกคุ้นเขี่ยหากินอาหารธรรมชาติตามพื้นดิน 1 สัปดาห์ผ่านไปเราเห็นความกินง่ายอยู่ง่ายและการเอาตัวรอดของไก่เหล่านี้ ที่มีสัญชาตญาณแตกต่างจากสัตว์เลี้ยงที่เพาะฟักมาจากระบบฟาร์มอุตสาหกรรม 2 เดือนผ่านไปที่ไม่ได้ใช้วัคซีนไก่ยังคงแข็งแรงดี 3 เดือนผ่านไปไก่เติบโตขึ้นแบบไม่จำเป็นต้องคอยสรรหาสมุนไพรมาให้ 4 เดือนผ่านไปไก่เริ่มโตเต็มที่ 5 เดือนผ่านไปเริ่มมีไข่ฟองแรกให้เรากิน และบางตัวก็มีหงอนขนาดใหญ่และส่งเสียงขัน โอ้กอีโอ้กโอ้กกกกกก.. ทุกเช้ามืด ยามสาย บ่าย เย็น และตีสอง อันบ่งบอกว่าผมเป็นไก่โต้งที่สุขภาพดีและแข็งแรงนะครับ ไก่โต้ง ไม่มีไข่ให้กิน แต่ยังมีเนื้อที่เราไม่กล้าฆ่ามากิน แต่เราก็เลี้ยงไก่โต้งไว้สานสัมพันธ์เพื่อนบ้านกับคนที่อยากได้ไว้ทำพันธุ์ แลกด้วยข้าวเปลือกมาเลี้ยงไก่ตัวอื่นๆ ก็ยังดี นอกเหนือจากความน่ารักที่ตัวผู้มีให้ อย่างน้อยมันก็ยังมีขี้ตอบแทนเราทุกวัน และเป็นพ่อพันธุ์สุดหล่อได้ในวันที่ต้องการขยายจำนวน
เก็บขี้ไก่ทำปุ๋ย ปลูกผักกันเถอะ
ใต้ที่นอนของไก่เราใช้มุ้งตาข่ายทำรองไว้เหมือนเปล ไก่ขึ้นนอนที่เดิมทุกวัน และอึทุกวัน ตาข่ายนั้นช่วยรวบรวมขี้ไก่ได้ดีมาก และแห้งด้วยทำให้ไม่รู้สึกน่ารังเกียจที่จะเก็บโกยออกมาทำปุ๋ย ในกองปุ๋ยหมักเราสามารถทิ้งทุกอย่างที่ย่อยสลายได้ไว้รวมกัน เคล็ดลับอยู่ที่ต้องมีของเปียกและของแห้งวางเรียงสลับชั้นกัน ของเปียกได้แก่ มูลสัตว์เปียก และเศษขยะสด ของแห้งได้แก่ กิ่งไม้ใบไม้ เศษกระดาษ ถ้ากลัวกลิ่นเหม็นโชย อย่าลืมปิดทับด้านบนไว้ด้วยใบไม้แห้งทุกครั้ง แต่ต้องคอยดูแลความชื้นของกองปุ๋ยหมักอย่างสม่ำเสมอ ใช้เวลานานเกือบ 3 เดือนกว่าเศษอาหารจากในครัวจะช่วยให้ใบไม้กิ่งไม้แห้งได้ร่วมกันย่อยสลายเป็น “ฮิวมัส” อันเป็นหัวใจสำคัญของการเติบโตของพืชแบบไร้สารเคมีในแปลงเกษตรอินทรีย์ ซึ่งเริ่มเก็บใช้ได้ก่อนที่ก้นกองปุ๋ย ส่วนด้านบนและผิวรอบนอกของกองปุ๋ยจะย่อยสลายได้ช้ากว่าเพราะสูญเสียความชื้นได้ตลอดเวลา แต่ก็ไม่ใช่ปัญหา แค่โกยออกแล้วใช้เป็นส่วนผสมในกองปุ๋ยใหม่แค่นั้นเอง
ร่อนปุ๋ยออกมาทำแปลงปลูกผัก
ปุ๋ยที่เหมาะสมใช้งานจะมีลักษณะคล้ายดิน ร่อนผ่านตะแกรงคัดกรองชิ้นส่วนที่ยังไม่ย่อยสลายออกไป เอาปุ๋ยเหล่านั้นมาโรยทับหน้าดินบริเวณที่ต้องการจะปลูกผัก แล้วใช้ส้อมพรวนด้ามเก่งเหมาะมือและเท้าของเราจิ้มเข้าไปในแปลง ทำมุม 30-45 องศากับดิน เพื่อให้ปุ๋ยหมักและอากาศแทรกเข้าไปได้ ทำแบบนี้ให้ทั่วแปลง สักพักจะพบว่าสามารถแบ่งดินก้อนใหญ่ให้กลายเป็นก้อนเล็กได้ด้วยสองมือของเรา ถ้าดินค่อนข้างแห้ง ก็พรมน้ำเบาๆ สักหน่อย บีบปลายที่สายยางให้น้ำเป็นละอองฝอยตกลงมาคล้ายฝนตก แล้วลงปุ๋ยหมักรอบที่ 2 ลองจิ้มแทงดินอีกสักครั้ง จะเริ่มสังเกตได้ว่าดินมีความร่วนซุยนุ่มมือมากขึ้น ใช้เวลาไม่นานก็เตรียมแปลงผักได้ 1 แปลงขนาดย่อมๆ ด้วยแรงเพียงคนเดียวแล้ว เมื่อเตรียมดินพร้อมแล้วถ้ามีต้นกล้าจะย้ายลงปลูกทันทีเลยก็ได้ แต่ต้องย้ายหลังบ่าย 3 โมงเย็น เพื่อให้ต้นกล้าไม่ทรมานกับแสงแดดอันร้อนจ้าในตอนกลางวันจนมากเกินไป แต่สำหรับผักบางชนิด เช่น กวางตุ้ง ผักบุ้ง ผักชี ผักโขม คะน้า สามารถหว่านเมล็ดลงดินได้เลย
ปลูกผักหลากหลาย ให้หญ้าโตด้วย
ทำไปทำมา “หญ้า” จัดว่าเป็นพืชที่มีประโยชน์นานับประการสำหรับคนทำเกษตรอินทรีย์ ถึงแม้หญ้าโตเร็วกว่าผัก แต่หญ้าก็ทำหน้าที่พี่เลี้ยงที่ดีคอยกางใบให้ร่มเงาแก่ผักต้นเล็กๆ ของเรา เมื่อถึงเวลาหนึ่งหญ้าโตเบียดบังแสงแดดที่ส่องมายังต้นผัก เราจำเป็นต้องกำจัดหญ้าออกด้วยการถอนแล้ววางลงบนดินระหว่างต้นผักในแปลง หญ้าเหล่านั้นจะค่อยๆ ถูกย่อยสลายไปด้วยการทำงานของจุลินทรีย์ในดินและเศษซากหญ้า ณ เวลานั้นจะทำหน้าที่เก็บรักษาความชื้นบนผิวดินให้ทดแทนฟางได้ ไม่ต้องเสียแรงเสียเวลาไปหาฟางจากที่ไกลๆ มาใช้ห่มดิน
ควรปลูกดอกไม้พื้นบ้าน เบ่งบานเริงร่า
หลังจากทำสวนได้ไม่นาน นุ๋นเอาเมล็ดดอกดาวกระจาย ดาวเรือง หงอนไก่ ผักเสี้ยน บานไม่รู้โรย มาโปรยให้ทั่วสวน เมล็ดพันธุ์เหล่านี้มีศักยาภาพในการงอกและเติบโตได้ดีมาก มีทรงพุ่มสูง ดอกมีสีสันสวยงาม เป็นที่เย้ายวนใจของเหล่าแมลงน้อยใหญ่ นอกจากนี้ยังเติบโตแข่งกับวัชพืช ช่วยบดบังแสงแดดทำให้วัชพืชโตไม่ทัน และถ้าหากเราเห็นว่าต้นดอกไม้เหล่านี้กำลังจะกินพื้นที่สำหรับเติบโตของพืชผักที่เราปลูก เราก็สามารถตัดแต่งทรงพุ่มหรือถอนออกไปทำปุ๋ยได้เลยโดยไม่ต้องเสียดาย จนเราจะนึกสงสัยว่านี่ผักหรือสวนดอกไม้กันแน่ แต่เชื่อเถอะว่าดอกไม้พื้นบ้านที่เบ่งบานเริงร่าเหล่านี้ให้ความเบิกบานใจเราได้ไม่แพ้ดอกกุหลาบในวันวาเลนไทน์ แถมยังล่อแมลงให้มาสร้างระบบนิเวศน์ที่ดีในสวนได้โดยไม่ต้องใช้สารชีวภัณฑ์ใดๆ เลยด้วย
แล้ววันเก็บเกี่ยวก็มาถึง
เป็นวันที่เราเฝ้ารอคอยหลังจากหยอดเมล็ดและเฝ้ารดน้ำ ถอนหญ้า เราค่อยๆ บรรจงเก็บพืชผักเหล่านั้นขึ้นมาด้วยความปราณีต นำมาปรุงด้วยความพิถีพิถัน ผสมผสานกับจินตนาการ และวัตถุดิบอื่นๆ ที่ได้มาจากการอุดหนุนเพื่อนๆ เกษตรกร
เราตั้งใจกินมากเกินจนไม่เหลือเศษอาหารในทุกมื้อ ความอร่อยเหล่านั้น เป็นรสชาติของความอิ่มเอมเบิกบานใจในวัตถุดิบของเราที่ได้ช่วยกันทำงานร่วมกับธรรมชาติเสียมากกว่าที่จะอยากเอ่ยชื่นชมฝีมือตัวเอง อาหารที่เราลงมือปลูกเอง มันอร่อยมากจริงๆ นะ และเบื้องหลังความอร่อยของผัก และผลไม้ ก็มาจากเศษขยะในครัวเรือนรวมกับขี้ไก่ในสวนหลังบ้านนี่แหละ
มีคนกล่าวว่า การที่เราตื่นมาแล้วได้กล่าวขอบคุณสิ่งเล็กๆ ที่เกิดขึ้นรอบตัวอย่างน้อยวันละ 3 เรื่องหลังตื่นนอน จะทำให้เราได้พบเจอแต่สิ่งที่ดีๆ ในทุกวันและเป็นคนที่มีความสุขได้ง่าย การใช้ชีวิตแต่ละวันในสวนสนุก ถึงแม้จะเหนื่อยกายมากมายเพียงใด แต่เมื่อได้ลงมือทำและเห็นผลผลิตแล้วกลับรู้สึกสนุกจนไม่อยากให้ตะวันลับขอบฟ้าทุกทีไป หรือเวลามีเท่าไหร่ก็ไม่เคยพอ เราจึงอยาก..
ขอบคุณพระอาทิตย์ที่ยังขึ้นในทุกเช้าเหมือนเดิม
ขอบคุณไก่โต้งที่ส่งเสียงปลุกเราอย่างก้องดังกังวานอยู่กลางสวน
ขอบคุณเหล่าสิ่งมีชีวิตทุกชนิดที่ยังทำหน้าที่ของตัวเองอย่างสม่ำเสมอเป็นอย่างดี แม้กระทั่งจุลินทรีย์ขนาดเล็กที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่าก็ตาม แต่พออยู่ร่วมกันนับร้อยพันล้านตัวแล้วกลายเป็นทีมงานในสวนที่แสนดี
ขอบคุณเพียงสามอย่างเท่านี้ในทุกวัน เราเชื่อมั่นอย่างแน่นอนว่า สวนสนุก จะเป็นพื้นที่ให้เราได้เข้ามาสนุกได้ทุกวัน และเราเชียร์สุดตัวว่าอยากให้ทุกคนมีพื้นที่สวนสนุกในพื้นที่ส่วนใดส่วนหนึ่งของบ้าน เพื่อความสนุกเบิกบานใจและแหล่งอาหารปลอดภัยของตัวเอง
ผู้เขียน
นุ๋น - ณัฐคนางค์ ปรีชาบริสุทธิ์กุล
เกษตรกร / ผู้ผลิตอาหารปลอดภัย / ผู้ผลิตแชมพูและสบู่ธรรมชาติ / วิทยากรด้านการพึ่งพาตนเอง
Comments