ตั้งแต่เด็กจนโต อาหารเช้าเป็นมื้อโปรดของเราเสมอ ทุกๆ วันจานของเราจะประกอบไปด้วยไข่ ผักโขมผัดกับชีส แฮมหรือเบค่อน ขนมปัง หรือไม่ก็แพนเค้กสักสองแผ่น และนมสด 1 แก้ว บางวันก็มีผลไม้ เพิ่มเติมบ้าง จานแรกของทุกเช้าที่เราเชื่อมาเสมอว่าเพียงพอและเหมาะสมกับการเริ่มต้นเช้าวันใหม่ ที่ประกอบไปด้วยทั้งโปรตีน คาร์โบไฮเดรต ผัก และไขมัน โภชนาการที่เกือบจะครบถ้วน แต่!!ทำไมระบบขับถ่ายของเราไม่ดีนัก ท้องผูกเป็นประจำทั้งๆ ที่เราก็ทานผัก ผลไม้ และดื่มน้ำมากพอสมควร พักหลังๆมีอาการปวดท้องร่วมด้วย ไปหาคุณหมอหลายท่าน ทุกท่านพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าเรามีอาการ “ลำไส้แปรปรวน” ให้ยาได้ตามอาการเท่านั้น
ในบางช่วงท้องผูกนานจนมีอาการร้อนใน เป็นสิวขึ้นที่หน้าผาก จนกลายเป็นสิวอักเสบเรื้อรังในช่วงวัยรุ่น
วิ่งเข้าออกคลินิกเท่าไหร่ก็ไม่หายขาดสักที จนต้องเข้าโรงพยาบาลเพื่อพบแพทย์ผิวหนัง แต่สิวก็ไม่หายไปง่ายๆ โดยเฉพาะสิวอุดตันและสิวอักเสบ คุณหมอรักษาด้วยวิธีกดสิว ฉีดสิว งดทานของมัน ทายา ทานยา แต่สิวบริเวณหน้าผากและจมูกไม่มีทีท่าว่าจะลดลง จนคุณหมอบอกว่า “ลองงดนมวัวดีไหม..”
สิวขึ้น อ้วนขึ้น ปวดหัวไม่มีสาเหตุ ... เพราะอาหารที่ทานอยู่รึเปล่า
หลังจากที่งดนมวัวไปมากกว่า 3 เดือน สิวอักเสบก็ค่อยๆ หายไปอย่างน่าตกใจ อาจจะยังมีขึ้นบ้าง
แต่ก็น้อยมากกว่าเมื่อก่อนเยอะ ตั้งแต่ตอนนั้นก็ผ่านมาเป็นเวลาเกือบ 10 ปีแล้วที่พยายามเลี่ยงผลิตภัณฑ์จากนมวัว และสิวก็แทบจะไม่ขึ้นอีกเลย ส่วนเรื่องท้องผูกก็ดีขึ้นบ้างเป็นบางช่วงเท่านั้น
เมื่อสองปีที่แล้ว คริสต้าเริ่มกลับมาถ่ายแบบจริงจัง จึงมาเริ่มคุมอาหาร ลดไขมัน และทานอาหารเกษตรอินทรีย์ หาข้อมูลต่างๆ นาๆ ว่าเราควรบริโภคอาหารในสัดส่วนเท่าไหร่ คำนวนแคลลอรี่ และออกกำลังกายให้เหมาะสมกับร่างกาย ลาขาดกับขนม โดยมีไข่ เนื้อไก่ส่วนไม่ติดมัน ผักเกษตรอินทรีย์ และข้าวกล้องเป็นเมนูโปรด ดื่มนมถั่วเหลืองแทนนมวัว เมื่อเราลงรูปแชร์ในโลกโซเชี่ยล เพื่อนๆ ก็มาคอมเม้นว่ายังไงก็ผอมลงแน่ๆ เลย หรือมาแซวว่าสุขภาพดีขึ้นเยอะ
เชื่อไหมคะ การคุมอาหารที่กล่าวไปนั้น ในระยะเวลาเพียง 2 เดือน น้ำหนักขึ้นมาเกือบ 3 โล!!!! แถมสัดส่วนเพิ่มขึ้น จนมานั่งคิดทบทวนกับตัวเองว่าเราคำนวนอะไรผิดไปรึเปล่า แต่เราก็ไม่ได้คำนวนอะไร ผิดเลย แถมไม่ได้ออกกำลังกายมากเกินไป มีแต่อาการท้องอืด ท้องผูก ทั้งๆ ที่เราทานผักและดื่มน้ำเยอะพอสมควร เอ๊ะ..แล้วมันเป็นที่อะไรหล่ะ?
แพ้อาหารแฝงมีด้วยเหรอ
เราเอาเรื่องนี้ไปปรึกษากับคนอื่น ใครๆ ก็แซวว่า “อ้วนขึ้นเพราะคุมอาหารผิด ไม่เกี่ยวกับระบบขับถ่ายหรอก” หรือ “ทานเยอะไปป่าวแก” เมื่อเราหาข้อมูลในอินเตอร์เน็ตมีอาการ “ลำไส้รั่ว” ที่ใช่เราเลยทุกอย่างไม่ว่าจะเป็น ท้องอืด ท้องผูก สิวขึ้น นอนไม่หลับ ปวดหัวไมเกรน และ ”น้ำหนักตัวขึ้น ถึงแม้ว่าจะคุมอาหารแล้ว”
อาการลำไส้รั่วเกิดจากการที่เราแพ้อาหารแฝง จนลำไส้ไม่สามารถทำงานได้อย่างที่ควรจะเป็น วิธีการรักษาคือต้องงดอาหารที่แพ้ทั้งหมดไปเลย 3-6 เดือน แต่เราจะรู้ได้ยังไงหละว่าเราแพ้อะไรบ้าง? เรามานั่งทบทวนกับตัวเองอีกครั้งและตัดสินใจ “ตรวจภูมิแพ้อาหารแฝง”
รู้จักร่างกายตัวเอง
การตรวจภูมิแพ้อาหารแฝงสามารถตรวจได้ถึง 222 ชนิดโดยการเจาะเลือด รอฟังผลภายใน 5 วัน เท่านั้น
แต่เมื่อผลตรวจออกมา พบว่าเราแพ้อาหารแฝงมากกว่า 20 ชนิด นมวัวก็คือหนึ่งในนั้น แต่ที่แพ้มากกว่านมวัวกลับเป็น “ไข่ขาว” ที่เราวางใจให้เป็นตัวเอกของเราในทุกมื้อ! นอกจากนี้ยังแพ้ข้าวสาลี ข้าวเจ้าและถั่วต่างๆ นี่ยังไม่รวมธัญพืชและผลไม้บางชนิด
“แล้วจะทานไรได้บ้างเนี่ย” ตอนอ่านผลเรานี่ปาดเหงื่อเลยทีเดียว มีหลายอย่างที่เป็นอาหารโปรดของเรา ได้แต่คิดในใจว่าทำไมมีแต่ของโปรด .. ทำไมไม่แพ้อะไรที่เราไม่ชอบทานบ้าง และเราจะทำยังไงดีเพื่อที่จะไม่แพ้อาหารเหล่านี้อีกต่อไป
วันที่เราแพ้ เราไม่จำเป็นต้องเอาชนะ
“แกแพ้เหรอ ทานเข้าไปเยอะๆ จะได้หายแพ้” เป็นคำพูดที่ได้ยินค่อนข้างบ่อยเวลาที่มีใครแพ้กุ้ง แพ้ปู จะมีคนพูดประโยคนี้ขึ้นมาเสมอ
การแพ้อาหารแบบปกติจะทำให้มีอาการในช่วงหลังทานอาหารภายในไม่กี่ชั่วโมง บางคนก็แพ้ทันที
มีอาการ คันปาก ปากบวม คลื่นไส้ หรือแม้แต่หายใจไม่ออก แต่ในการแพ้อาหารแฝงเราไม่ได้เป็น
อย่างนั้นน่ะสิ อาการของเราจะค่อยๆ เกิดขึ้นหลังทานอาหารชนิดที่เราแพ้ไปประมาณ 3-5 วัน อาจจะไม่ทรมานกับเรามากนัก แต่ระบบลำไส้ของเราที่ถูกทำลายทุกๆ วันคงไม่ดีเท่าไหร่ ถ้าเราจะยังฝืนทานอาหารเหล่านั้นต่อไปก็เท่ากับเราทำลายตัวเองแล้วเราจะไปมีความสุขอะไรหากร่างกายของเราถูก
ทำร้ายอยู่ทุกวัน
เราไม่ได้จะเป็นผู้แพ้ตลอดไป
เมื่อเรางดอาหารที่เราแพ้ไป 3-6 เดือนแล้ว เราอาจจะค่อยๆ เพิ่มปริมาณอาหารที่แพ้ในบางมื้อเท่านั้น
(นานๆที) เพราะในช่วงที่เรางดอาหาร ลำไส้ของเราได้ทำการรักษาตัวเองแล้ว และอาจจะแข็งเเกร่งในการรับอาหารที่เราแพ้ได้ในจำนวนน้อย
การตรวจภูมิแพ้อาหารสามารถทำซ้ำได้ เมื่อเรางดอาหารไปในระยะที่คิดว่าร่างกายของเราแข็งแรงพอแล้ว เพื่อเช็คร่างกายของเราอีกทีว่าร่างกายของเราพร้อมที่ทานอาหารนั้นๆ หรือยัง ทั้งนี้ในการงดอาหารนั้น เราควรบริโภคอาหารอื่นที่สดใหม่ สะอาดถูกสุขลักษณะ ผ่านการแปรรูปน้อย การบริโภคผักเกษตรอินทรีย์ก็เป็นอีกตัวช่วยหนึ่งเพื่อหลีกเลี่ยงการสะสมของสารปนเปื้อนที่มากับพืชผัก ที่จะทำลายสุขภาพของเรา เพื่อให้เราแข็งเเกร่งและเป็นผู้ชนะอีกครั้ง
ผู้เขียน
คริสต้า ประสิทธิ์ศักดิ์
นางแบบอิสระ
Comments