เมื่อไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมานี้ ฉันมีโอกาสได้มาเยือนประเทศแถบยุโรป เยอรมัน, สวิสเซอร์แลนด์, ออสเตรีย และ ฝรั่งเศส ส่วนตัวเป็นคนที่ชอบเดินสำรวจซุปเปอร์มาร์เก็ตในต่างแดน เพราะฉันมีความสนใจในสินค้าอุปโภคบริโภค อยากรู้ว่าคนท้องถิ่นนั้นๆ เขากินอะไร ใช้อะไรกัน และอีกอย่างสินค้าที่จำหน่ายในซุปเปอร์มาร์เก็ตนั้น มีราคาถูกกว่าร้านค้าที่วางจำหน่ายตามสถานีรถไฟ
ในความคิดของฉัน ยุโรปในปี 2019 ค่อนข้างเปลี่ยนไปจากเดิม หากเทียบกับ 2 – 3 ปีก่อน ที่ฉันเคยได้มาเยือนยุโรป เท่าที่สังเกตดูชั้นวางสินค้าในซุปเปอร์มาร์เก็ต มีหมวดหมู่สินค้าที่เกี่ยวกับสุขภาพมากขึ้น โดยมีจุดสังเกตง่ายๆ ได้จากสัญลักษณ์ตัวอักษรที่พิมพ์คำว่า “Bio” เพื่อบ่งบอกว่าสินค้าที่วางจำหน่ายนั้น เป็นสินค้าเกษตรอินทรีย์พลังชีวภาพ (Bio-Energetic & Organic Agriculture) ที่ผลิตด้วยกรรมวิธีธรรมชาติที่ปราศจากสารเคมี สะอาด ปลอดภัย ใครๆ ก็บริโภคได้ และราคาก็ไม่ได้แพงกว่าสินค้าปกติ ซึ่งทำให้ผู้บริโภคมีทางเลือกมากยิ่งขึ้น
โดยเกษตรอินทรีย์พลังชีวภาพไม่ใช่ศัพย์ใหม่ แต่เป็นการนำองค์ความรู้ที่เกิดขึ้นมาหลายพันปีแล้วกลับมาใช้ในการทำการเกษตร หัวใจหลักของเกษตรอินทรีย์พลังชีวภาพอยู่ที่การบริหารจัดการพื้นที่เพาะปลูกให้เหมือนกับระบบนิเวศของป่า เน้นที่การจัดการสภาพแวดล้อมของดินให้เหมาะสมกับการดำรงอยู่ของจุลินทรีย์และสิ่งมีชีวิตอื่นๆ ที่เป็นประโยชน์กับพืชและระบบนิเวศ ทั้งนี้ระบบเกษตรอินทรีย์พลังชีวภาพยังช่วยให้เกษตรกรได้ผลผลิตที่เพิ่มขึ้น เพื่อรองรับกับจำนวนประชากรที่มากขึ้นด้วยค่ะ
ไม่เพียงแต่ซุปเปอร์มาร์เก็ตทั่วไปที่มีโซนสินค้า “Bio” มาวางจำหน่ายในชั้นวางเท่านั้นนะคะ แต่ที่ยุโรปยังมีซุปเปอร์มาร์เก็ตที่จำหน่ายสินค้าออร์แกนิกส์โดยเฉพาะด้วย นี่อาจจะเป็นการเล็งเห็นแล้วว่า กลุ่มตลาดผู้บริโภคสินค้าออร์แกนิกส์ในยุโรปนั้นมีเพิ่มมากขึ้น และผู้บริโภคในยุโรปให้ความสำคัญกับผลิตภัณฑ์ที่สะอาด ปลอดภัย ไร้สารเคมี ดีต่อสุขภาพมากขึ้น ไม่อย่างนั้นก็คงจะไม่นำคำว่า Bio มาเป็นคำพาดหัวในบรรจุภัณฑ์ หรือนำมาติดยังป้ายชื่อร้าน เป็นการการันตีสินค้าอย่างแน่นอน
ที่ประเทศไทยเองทุกวันนี้ผู้บริโภคก็ให้ความสำคัญกับการบริโภคสินค้าเกษตรอินทรีย์กันมากขึ้น เพียงแต่ยังไม่แพร่หลายไปในทุกส่วนของสังคมด้วยปัญหาราคาสินค้าที่ค่อนข้างสูงจากการได้ผลผลิตจำกัดในแต่ละรอบการปลูก หากสามารถใช้องค์ความรู้ด้านชีวภาพมาช่วยให้เกษตรกรได้ผลผลิตที่มากขึ้น ก็น่าจะช่วยให้ผู้บริโภคหันมาให้ความสนใจบริโภคสินค้าเกษตรอินทรีย์มากขึ้น เพิ่มโอกาสในการขยายตลาดออร์แกนิกส์สินค้าไทยให้เปิดกว้างมากขึ้น มองระยะยาวอาจจะสบช่องทางในการส่งออกสินค้าไปยังตลาดยุโรป ที่มีความต้องการสินค้าออร์แกนิกส์จำนวนมากก็เป็นได้
ผู้เขียน
อุบลทิพย์ เศรษฐสักโก
TKLS สาวแซ่บแห่งไซตามะ / เจ้าของเพจครบเครื่องเรื่องญี่ปุ่น
Comments