Sep 17, 2019

ทะเลกระซิบ และผืนดินนินทา

Updated: Jan 15, 2020

หลายครั้งหลายคราวที่การเดินทางไปพักผ่อนริมชายหาด และลิ้มรสอาหารทะเลพร้อมกับครอบครัวในช่วงสุดสัปดาห์นั้นเต็มไปด้วยข้อสงสัย ไม่ใช่รสชาติของอาหารที่เปลี่ยนไป เพราะเมนูที่สั่งมาทานยังคงอร่อย ไม่ใช่เพราะการบริหารหันเหไปทางย่ำแย่ เพราะพนักงานยังคงยิ้มแย้มและต้อนรับ หากแต่เป็นขนาดของวัตถุดิบที่ขนาดเล็กลงทุกครั้งที่พบเจอ จนต้องคิดว่าจะเลิกสั่งแล้วเพราะเนื้อหนังไม่คุ้มราคาเสียเลย แม้อร่อยมากก็ตาม หรือบางอย่างที่เมื่อสั่งเป็นอาหารไปแล้วก็ได้แต่เพียงคำตอบกลับมาจากพนักงานประจำร้านว่า

“ช่วงนี้หาไม่ได้เลยค่ะ” พนักงานยิ้มอย่างเศร้า เธอบอกแบบนั้น

เกิดอะไรขึ้นกับท้องทะเลไทย แรกเริ่มผมคิดไปว่าอาจเป็นเพราะการเดินทางที่ผิดช่วงฤดูสัตว์น้ำบางชนิดจึงไม่อยู่ในแหล่งที่ชาวประมงจะจับได้ แต่กระแสข่าวการร้องเรียนที่เพิ่งเกิดขึ้นเพื่อยับยั้งการขายลูกปลาทูเพื่อดำรงพันธุ์และส่งต่อโอกาสในการกินให้ถึงลูกหลาน และการกล่าวเตือนของผู้มีความรู้เกี่ยวกับสถานการณ์ของทะเลไทยผ่านงานวิจัยหัวข้อต่างๆ ปรากฏขึ้นบนพื้นที่ข่าวในหลายเวลาก่อนหน้า เขย่าสังคมให้ตื่นจากฝัน

อาหารทะเลไทยใกล้จะหมด ทรัพยาการในทะเลถูกใช้มากจนยากที่จะฟื้นฟูในเวลาอันสั้น ทะเลกำลังป่วย และต้องการความช่วยเหลือ นั่นคือสิ่งที่ทะเลพยายามกระซิบบอกมาตลอด

ทะเลกระซิบบอกเรา แล้วเราบอกอะไรกับตัวเอง การทำประมงอย่างบ้าคลั่งด้วยการจับอย่างไรให้หมดสิ้นกำลังจะเกิดขึ้นจริง เราอาจไม่มีพรุ่งนี้ของชาวประมง ทะเลหรืออ่าวไทยนี้ไม่ได้สมบูรณ์อีกต่อไปอย่างที่เราเชื่อ นั่นเองคือสิ่งที่เราต้องย้ำเตือน ต้องพร่ำบอกกับตัวเองไว้

ไม่เพียงแต่ทะเลเท่านั้น หากหันหน้ากลับไปมองบนผืนแผ่นดิน สิ่งที่เกิดนั้นไม่ต่างกัน เราทำการเกษตรอย่างบ้าคลั่ง ปลูกพืช ใส่ปุ๋ย ใช้สารเคมีให้มากๆ เพื่อให้ได้ปริมาณผลผลิตเยอะที่สุดในการปลูกครั้งหนึ่ง คุณภาพเป็นอย่างไร ไม่แน่ใจว่าได้คิดถึงเรื่องนี้หรือไม่ แผ่นดินโกรธที่ต้องแปดเปื้อนและติฉินนินทาความหยิ่งทะนงของหลายคนที่คิดฝืนสู้กับธรรมชาติ อาจเป็นได้ที่แผ่นดินกำลังรอสมน้ำหน้าเมื่อผลผลิตปริมาณสูงจนล้นเหล่านั้นกดราคาตัวเองให้ลงต่ำ

ใช้ปุ๋ย ใช้ยาฆ่าหญ้าและแมลงให้เยอะเข้าว่า จะต่างอะไรกับการพยายามใช้อวนให้ตาถี่เข้าไว้และขูดลากผิวทะเลกระจุยเหมือนผิวหนังที่โดนมีดโกน ทะเลชอกช้ำ แผ่นดินเน่าเปื่อย ปัญหาแสนรุมเร้า แต่ใช่ว่าจะไม่มีทางออก ผมและคนอีกมากมาย ต้องแสวงหาจุดร่วมเพื่อให้สิ่งสำคัญทั้งสองยังมีลมหายใจ

จับปลาจากทะเลไปพร้อมกับการเพาะเลี้ยงได้หรือไม่ เมื่อถึงฤดูของการสืบเชื้อสาย เราปล่อยให้ธรรมชาติดำเนินไป สลับมาบริโภคในส่วนที่เราเลี้ยงไว้ก่อนได้รึเปล่า การเพาะปลูกก็เช่นกัน การปลูกพืชอินทรีย์ทำให้ในบางฤดูกาลไม่สามารถผลิตพืชผลบางอย่าง แต่ก็ยังมีอย่างอื่นให้รับประทานแทนได้ ดีกว่าเร่งใช้สารเคมีแล้วทำลายพื้นดินไปทุกวัน

กินข้าวมากไป เราก็อ้วน กินยามากไป ตับไตก็เสื่อมโทรม เทียบกับร่างกายเราทุกคนน่าจะเห็นชัด

ทุกอย่างที่เขียนนี้ ก็เพื่อให้ทุกคนรู้ว่าการกินในวันนี้และยั่งยืนพอจะให้กินในวันหน้า สามารถทำได้หากเพียงเรายอมลดความอยากลิ้มชินรสของเราลงบ้างในบางช่วงเพื่อธรรมชาติได้ฟื้นฟู ไม่มีที่ไหนสมบูรณ์ถึงขนาดจะกินทุกอย่างได้ตลอดปีและตลอดไป ทุกคนควรเข้าใจ


ผู้เขียน

เพียรชัย มากมี

นักเขียนอิสระ

35
4